5.จากนั้นก็พิมพ์ข้อความลงไป
6.ในการแทรกรูปภาพ หรือ คลิปวิดีโอ ให้คลิ๊กที่เพิ่มรูปภาพ หรือ เพิ่มวิดีโอ ดังภาพ
7.เมื่อคลิ๊กเสร็จแล้วจะเป็นดังนี้
8.จากนั้นเราก็เลือกว่าจะเพิ่มรูปภาพจากไหน เช่นเพิ่มจากคอมพิวเตอร์ ก็จะปรากฎดังนี้
9.เราก็เลือกรูปภาพที่เราอยากได้ลงไป แล้วคลิ๊กที่อัปโหลดรูปภาพ แล้วก็เสร็จสิ้น
10.จากนั้นก็ตั้งชื่อป้ายกำกับ
11.แล้วก็เผยแพร่บทความ
12.เลือกที่ดูบล็อก
13.ผลงานที่เราทำ
14.เป็นอันจบพธีคร๊าบป๋ม
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552
ความทรงจำครั้งวันวาน
การศึกษาของผม
ในระดับประถมศึกษา
- ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนบ้านพิมาน ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
ความประทับใจในตอนนั้น
- ในสมัยเด็กนั้นผมก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นักก็มีความประทับใจแบบเด็ก ๆ เท่าที่จำได้ก็มีอยู่ว่า
1.ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจมากในตอนนั้น เพราะว่าการที่ได้เป็นนักกีฬารู้สึกว่ามันเท่ห์ ผมเริ่มเป็นนักกีฬาตั่งแต่ผมเริ่มอยู่ชั้น ป.4 ผมเล่น ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล และก็วิ่ง
- ฟุตบอล ในตอนนั้นถือว่าโรงเรียนของผมครองอันดับ 1 มาตลอดจนผมจบชั้น ป.6 ทีมโรงเรียนของผมครองอำนาจวงการลูกหนังในตอนนั้น ที่พูดมาอย่าหาว่าผมโม่นะครับ และอีกอย่างผมลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย กว่าจะได้เป็นตัวจริงต้องมีการแข่งขันทางความสามารถและกาฝึกซ้อม พวกผมลุกขึ้มาฝึกซ้อมประมาณ ตี 4.30 ทุกวัน ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้ลงเล่น
- วอลเล่ย์บอล ผมเริ่มเล่นวอลเล่ย์บอลตั่งแต่ผมอยู่ ป.1 ผมฝึกมาเรื่อย ๆ จนผมอยู่ชั้น ป.4 ผมก็ได้เล่นให้กับทีมโรงเรียน วอลเล่ย์บอล ผมได้เล่นในตำแหน่งตัวตั้งบอลเพราะว่าผมเป็นคนตัวเล็ก และวอลเล่ย์บอลโรงเรียนผมก็ครองความยิ่งใหญ่เหมือนกันครองอันดับ 1 มาตลอด แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังงัยเหมือนกัน
2.ได้เป็นนักดนตรีไทยไปแข่งขันที่ จ.ยโสธร
ตอนผมอยู่ชั้น ป. 4 ครูได้สอนการเล่นดนตรีไทยให้กับพวกผม ในตอนนั้นคือ ป. 4 ทุกคนได้เล่นดนตรีไทย พอเล่นได้เป็นกันทุกคน ก็ได้เป็นตัวแทนของจังหวัดไปแข่งขันที่ จ.ยโสธร ในตอนนั้นมันดีใจมากไม่เคยไปแข่งขันแบบนี้มาก่อน ในการแข่งขันตอนนั้นมีตัวแทนจากทุกจังหวัดของภาคอีสานมาแข่งขัน โรงเรียนผมได้อันดับที่ 2 ผมดีใจมากไม่นึกว่าจะได้ถึงอันดับนี้
ในระดับมัธยมศึกษา
- ม.ต้น (ม.1 - ม.3)
ในระดัโรงเรียนใหม่ก็เรียบร้อย ขยันเรียน แต่พอขึ้น ม.2 เริ่มรู้อะไรหลายอย่างขึ้น ตอนนั้นรู้สึกว่า PLAY 1 กำลังมาใหม่เป็นที่นิยมของนักเรียน มีวันหนึ่งใกล้จะสอบปลายภาคอยู่แล้ว เพื่อนชวนออกไปเล่นเกมส์ที่ร้านข้างนอก ผมก็ไปกับพวกเขา พอหนีออกไปนอกโรงเรียนได้สักพัก มีอาจารย์ขี่รถมาทางเดี่ยวกันกับทางที่พวกผมเดินหนีไป ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยพากันวิ่งหนี ถึงจะมีรั่วลวดหนามขวางไว้สูงแค่ไหนผมก็กระโดดข้ามได้อย่างสบาย เพราะว่าตอนนั้นไม่คิดอะไรแล้วต้องหนีอย่างเดี่ยว ไม่ให้อาจารย์รู้ชื่อ เลยวิ่งไปทางทุ่งนาเข้าด้านหลังโรงเรียน ในตอนนั้นมันกลัวมากต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนั้นในความเป็นเด็กก็ยังมีอยู่บ้าง
- ม.ปลาย (ม.4 - ม.6)
เมื่อขึ้นม.ปลายผมเรียนที่โรงเรียนเดิม ในตอนนั้นรุ่นของผมมีห้องทั้งหมด 3 ห้อง แบ่งเป็นสายวิทย์ 2 ห้อง สายศิลป์ 1 ห้อง ผมเรียนสายวิทย์อยู่ห้อง 2 มีนักเรียนทั้งห้อง 25 คน ซึ่งมันกำลังดีไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป ผมก็เรียนอย่างมีความสุข ผมเสียดายโอกาสในตอนขึ้น ม.4 ที่อาจารย์ให้เรียน รด. แต่ผมไม่เรียนชวนกันหนีไม่ไปตรวจร่างกายพอจบ ม. 6 ไปก็เลยรู้ซึ้งว่าถ้าเราเรียนก็คงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารแล้วคงสบายแล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผม ผมเลยมาเรียนครูคณิตศาสตร์ที่มหาสารคาม คือถ้าผมสอบบรรจุได้ผมก็จะไม่ได้เป็นทหาร ผมเลยเลือกเรียนครูและผมชอบเรียนคณิตศาสตร์มากก็เลยเลือกครู
โรงเรียนของผม
ลิ้งค์โรงเรียนผม
ในระดับประถมศึกษา
- ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนบ้านพิมาน ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
ความประทับใจในตอนนั้น
- ในสมัยเด็กนั้นผมก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นักก็มีความประทับใจแบบเด็ก ๆ เท่าที่จำได้ก็มีอยู่ว่า
1.ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจมากในตอนนั้น เพราะว่าการที่ได้เป็นนักกีฬารู้สึกว่ามันเท่ห์ ผมเริ่มเป็นนักกีฬาตั่งแต่ผมเริ่มอยู่ชั้น ป.4 ผมเล่น ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล และก็วิ่ง
- ฟุตบอล ในตอนนั้นถือว่าโรงเรียนของผมครองอันดับ 1 มาตลอดจนผมจบชั้น ป.6 ทีมโรงเรียนของผมครองอำนาจวงการลูกหนังในตอนนั้น ที่พูดมาอย่าหาว่าผมโม่นะครับ และอีกอย่างผมลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย กว่าจะได้เป็นตัวจริงต้องมีการแข่งขันทางความสามารถและกาฝึกซ้อม พวกผมลุกขึ้มาฝึกซ้อมประมาณ ตี 4.30 ทุกวัน ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้ลงเล่น
- วอลเล่ย์บอล ผมเริ่มเล่นวอลเล่ย์บอลตั่งแต่ผมอยู่ ป.1 ผมฝึกมาเรื่อย ๆ จนผมอยู่ชั้น ป.4 ผมก็ได้เล่นให้กับทีมโรงเรียน วอลเล่ย์บอล ผมได้เล่นในตำแหน่งตัวตั้งบอลเพราะว่าผมเป็นคนตัวเล็ก และวอลเล่ย์บอลโรงเรียนผมก็ครองความยิ่งใหญ่เหมือนกันครองอันดับ 1 มาตลอด แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังงัยเหมือนกัน
2.ได้เป็นนักดนตรีไทยไปแข่งขันที่ จ.ยโสธร
ตอนผมอยู่ชั้น ป. 4 ครูได้สอนการเล่นดนตรีไทยให้กับพวกผม ในตอนนั้นคือ ป. 4 ทุกคนได้เล่นดนตรีไทย พอเล่นได้เป็นกันทุกคน ก็ได้เป็นตัวแทนของจังหวัดไปแข่งขันที่ จ.ยโสธร ในตอนนั้นมันดีใจมากไม่เคยไปแข่งขันแบบนี้มาก่อน ในการแข่งขันตอนนั้นมีตัวแทนจากทุกจังหวัดของภาคอีสานมาแข่งขัน โรงเรียนผมได้อันดับที่ 2 ผมดีใจมากไม่นึกว่าจะได้ถึงอันดับนี้
ในระดับมัธยมศึกษา
- ม.ต้น (ม.1 - ม.3)
ในระดัโรงเรียนใหม่ก็เรียบร้อย ขยันเรียน แต่พอขึ้น ม.2 เริ่มรู้อะไรหลายอย่างขึ้น ตอนนั้นรู้สึกว่า PLAY 1 กำลังมาใหม่เป็นที่นิยมของนักเรียน มีวันหนึ่งใกล้จะสอบปลายภาคอยู่แล้ว เพื่อนชวนออกไปเล่นเกมส์ที่ร้านข้างนอก ผมก็ไปกับพวกเขา พอหนีออกไปนอกโรงเรียนได้สักพัก มีอาจารย์ขี่รถมาทางเดี่ยวกันกับทางที่พวกผมเดินหนีไป ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยพากันวิ่งหนี ถึงจะมีรั่วลวดหนามขวางไว้สูงแค่ไหนผมก็กระโดดข้ามได้อย่างสบาย เพราะว่าตอนนั้นไม่คิดอะไรแล้วต้องหนีอย่างเดี่ยว ไม่ให้อาจารย์รู้ชื่อ เลยวิ่งไปทางทุ่งนาเข้าด้านหลังโรงเรียน ในตอนนั้นมันกลัวมากต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนั้นในความเป็นเด็กก็ยังมีอยู่บ้าง
- ม.ปลาย (ม.4 - ม.6)
เมื่อขึ้นม.ปลายผมเรียนที่โรงเรียนเดิม ในตอนนั้นรุ่นของผมมีห้องทั้งหมด 3 ห้อง แบ่งเป็นสายวิทย์ 2 ห้อง สายศิลป์ 1 ห้อง ผมเรียนสายวิทย์อยู่ห้อง 2 มีนักเรียนทั้งห้อง 25 คน ซึ่งมันกำลังดีไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป ผมก็เรียนอย่างมีความสุข ผมเสียดายโอกาสในตอนขึ้น ม.4 ที่อาจารย์ให้เรียน รด. แต่ผมไม่เรียนชวนกันหนีไม่ไปตรวจร่างกายพอจบ ม. 6 ไปก็เลยรู้ซึ้งว่าถ้าเราเรียนก็คงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารแล้วคงสบายแล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผม ผมเลยมาเรียนครูคณิตศาสตร์ที่มหาสารคาม คือถ้าผมสอบบรรจุได้ผมก็จะไม่ได้เป็นทหาร ผมเลยเลือกเรียนครูและผมชอบเรียนคณิตศาสตร์มากก็เลยเลือกครู
โรงเรียนของผม
ลิ้งค์โรงเรียนผม
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
น้ำตกทีลอซู
น้ำตกทีลอซู
ที่ตั้ง : น้ำตกทีลอซูในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอแม่สอด 164 กิโลเมตร ถนนตัดผ่านภูเขาน้อยใหญ่ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง จึงถึงอำเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นอำเภอกลางป่ามีพื้นที่ราบเพียง 3% ตัวน้ำตกอยู่ในป่าห่างจากตัวเมืองอุ้มผางไป 42 กิโลเมตร
การเดินทาง
- การล่องแพยังเป็นการเดินทางที่เป็นอมตะสำหรับการเดินทางในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เริ่มฤดูฝนไปจนถึง 1 พฤศจิกายน เส้นทางเข้าทีลอซูถูกปิด การเดินทางเดียวที่ทำได้คือการล่องแพ
- สำหรับการเดินทางในช่วงเวลาที่ถนนเปิดให้รถเข้าจะมีการเดินทางเป็น 2 แบบ ส่วนใหญ่จะนิยมล่องเรือยางไปยังจุดที่ขึ้นบก จากนั้นก็ขึ้นรถต่อไปยังจุดกางเต็นท์
- อีกแบบหนึ่งสำหรับผู้มีเวลาน้อยและนิยมประหยัด คือการขับรถรวดเดียวจากตัวเมืองอุ้มผางไปยังจุดกางเต็นท์
ไปน้ำตกทีลอซูช่วงไหนดี เดือนไหนสวยสุด
เป็นคำถามที่ถามกันเข้ามามาก ไม่รู้จะตอบยังไง ลองชมภาพทริปจริงๆ ดีกว่า เราไปบ่อยไปตั้งแต่น้ำขุ่นยันน้ำใส ตั้งแต่น้ำเยอะจนน้ำแห้ง ไปตั้งแต่ไม่ค่อยมีคนจนมีแต่คนเต็มน้ำตก แต่ก็ชอบทุกครั้งที่ไป บางครั้งน้ำตกมีน้ำน้อยหน่อยแต่มีบรรยากาศอย่างอื่นมาทดแทน สรุปคร่าวๆ ดังนี้
- ไปช่วงต้นฝนดี มิ.ย. - ก.ค. สภาพเส้นทางที่ล่องเรือยางสวยมาก ต้นไม้เพิ่งออกใบใหม่สีเขียวสดป่าสวย น้ำตกพองาม
- ไปช่วงกลางฝนก็ดี ส.ค. - ต.ค. น้ำเยอะดี น้ำตกเต็มหน้าผา แต่ต้องเดินเข้าไป คนก็ไม่ค่อยมีเพราะไม่อยากเดิน
- ไปช่วงหมดฝนก็ดี พ.ย. - ธ.ค. สบายๆ ไม่ต้องเดิน นั่งรถถึงจุดพักแรม คนเยอะแต่น้ำเริ่มลดลง
- ไปช่วงหนาวจนถึงแล้วก็ดี ม.ค. - เม.ย. คือว่าน้ำใสดี คนก็น้อย น้ำก็น้อย
ท่านสามารถดาวน์โหลดข้อมูลในรูปแบบ Microsoft Word ได้ที่
http://th.upload.sanook.com/A0/6ad530868301cc48c07bd3d0605798f6
ที่ตั้ง : น้ำตกทีลอซูในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอแม่สอด 164 กิโลเมตร ถนนตัดผ่านภูเขาน้อยใหญ่ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง จึงถึงอำเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นอำเภอกลางป่ามีพื้นที่ราบเพียง 3% ตัวน้ำตกอยู่ในป่าห่างจากตัวเมืองอุ้มผางไป 42 กิโลเมตร
การเดินทาง
- การล่องแพยังเป็นการเดินทางที่เป็นอมตะสำหรับการเดินทางในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เริ่มฤดูฝนไปจนถึง 1 พฤศจิกายน เส้นทางเข้าทีลอซูถูกปิด การเดินทางเดียวที่ทำได้คือการล่องแพ
- สำหรับการเดินทางในช่วงเวลาที่ถนนเปิดให้รถเข้าจะมีการเดินทางเป็น 2 แบบ ส่วนใหญ่จะนิยมล่องเรือยางไปยังจุดที่ขึ้นบก จากนั้นก็ขึ้นรถต่อไปยังจุดกางเต็นท์
- อีกแบบหนึ่งสำหรับผู้มีเวลาน้อยและนิยมประหยัด คือการขับรถรวดเดียวจากตัวเมืองอุ้มผางไปยังจุดกางเต็นท์
ไปน้ำตกทีลอซูช่วงไหนดี เดือนไหนสวยสุด
เป็นคำถามที่ถามกันเข้ามามาก ไม่รู้จะตอบยังไง ลองชมภาพทริปจริงๆ ดีกว่า เราไปบ่อยไปตั้งแต่น้ำขุ่นยันน้ำใส ตั้งแต่น้ำเยอะจนน้ำแห้ง ไปตั้งแต่ไม่ค่อยมีคนจนมีแต่คนเต็มน้ำตก แต่ก็ชอบทุกครั้งที่ไป บางครั้งน้ำตกมีน้ำน้อยหน่อยแต่มีบรรยากาศอย่างอื่นมาทดแทน สรุปคร่าวๆ ดังนี้
- ไปช่วงต้นฝนดี มิ.ย. - ก.ค. สภาพเส้นทางที่ล่องเรือยางสวยมาก ต้นไม้เพิ่งออกใบใหม่สีเขียวสดป่าสวย น้ำตกพองาม
- ไปช่วงกลางฝนก็ดี ส.ค. - ต.ค. น้ำเยอะดี น้ำตกเต็มหน้าผา แต่ต้องเดินเข้าไป คนก็ไม่ค่อยมีเพราะไม่อยากเดิน
- ไปช่วงหมดฝนก็ดี พ.ย. - ธ.ค. สบายๆ ไม่ต้องเดิน นั่งรถถึงจุดพักแรม คนเยอะแต่น้ำเริ่มลดลง
- ไปช่วงหนาวจนถึงแล้วก็ดี ม.ค. - เม.ย. คือว่าน้ำใสดี คนก็น้อย น้ำก็น้อย
ท่านสามารถดาวน์โหลดข้อมูลในรูปแบบ Microsoft Word ได้ที่
http://th.upload.sanook.com/A0/6ad530868301cc48c07bd3d0605798f6
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
ฮวงจุ้ยสำหรับคนอยู่คอนโดหรืออพาทเม้นท์
ฮวงจุ้ยสำหรับคนอยู่คอนโดหรืออพาทเม้นท์
ฮวงจุ้ย "คอนโด" แตกต่างจาก "บ้าน" อย่างไร
โดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว ฮวงจุ้ยคอนโด ฮวงจุ้ยอพาร์ทเม้นท์ จะมีหลักการฮวงจุ้ยพื้นฐานทั่วไปเช่นเดียวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน แต่ลักษณะเด่น หรือ จุดแตกต่าง จะมี 2 ส่วนใหญ่ๆคือ
คอนโด หรือ อพาร์ทเม้นท์ มีการแยกระดับชั้นเด่นชัด
คอนโด หรือ อพาร์ทเม้นท์ มีการแบ่งแยกห้องเป็นส่วนตัว ค่อนข้างเด็ดขาด
การเลือกชั้น คอนโด
คำถามส่วนใหญ่ หรือ คำถามยอดนิยม ของผู้ซื้อคอนโด หรือ เช่า / ซื้อ อพาร์ทเม้นท์ คือ จะเลือกชั้นไหนดี
หลักการเลือก ชั้นคอนโด มีหลายแบบขึ้นกับการเลือกใช้ ระบบฮวงจุ้ย ว่าจะเลือกระบบใด ซึ่งสามารถมองในภาพรวมได้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ
เลือกโดย ดูพลังของธรรมชาติภายนอก แบบโดยรวม หรือเรียกว่า ยุค เป็นหลัก
เลือกโดย ดูจากตัวบุคคล เช่น ใช้ปีเกิด เป็นหลัก
หลักการเลือกชั้น คอนโด ตาม ยุค
ในหลักการของ ยุคทั้ง5 จะมีการแบ่งรอบปี 60 ปี หรือ 60 กะจื้อ ออกเป็น 5 กลุ่มธาตุ คือ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ
ช่วงปี พ.ศ. 2539 – 2550 จะเป็น ยุค ธาตุไฟ
ช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2562 จะเป็น ยุค ธาตุไม้
ชั้นของอาคารที่รุ่งเรืองในช่วง พ.ศ. 2539 – 2550 คือ ชั้นที่ลงท้ายด้วย 0 2 5 7 เช่น ชั้นที่ 2 5 7 10 12
15 17
ชั้นของอาคารที่รุ่งเรือง ในช่วง พ.ศ. 2551 – 2562 คือ ชั้นที่ลงท้ายด้วย 2 3 7 8 เช่น ชั้นที่ 2 3 7 8 12 13 17 18
ดังนั้นหากจะเลือกซื้อคอนโดใน ปี พ.ศ. 2550 เป็นช่วงที่กำลังข้ามเปลี่ยนยุค ควรเตรียมเลือกสำหรับอนาคตในยุคหน้าด้วย เลือกชั้นที่ลงท้ายด้วย 2 หรือ 7 จะเหมาะสมที่สุด แต่หากเลือกซื้อใน ปี พ.ศ. 2551 สามารถที่เลือกจำนวนชั้นได้มากขึ้น
หลักการกำหนด ธาตุ สำหรับชั้นต่างๆนั้น หากคุณอ่าน บทความเกี่ยวกับพื้นฐานฮวงจุ้ย อาจจำได้ว่า มาจาก ผังเหอถู นั่นเอง ซึ่งก็คือ
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ผังเหอถู คลิก
ความรุ่งเรือง โดยนับตามยุคนั้น ใช้ได้กับทุกคน หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับ ถ้าเราบอกว่า ในเมืองไทย มีกรุงเทพเป็นจังหวัดที่มีความเจริญมากที่สุด ดังนั้นภาพรวมของผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพ ก็คือบุคคลที่ได้รับผลของความเจริญ ส่วนจะได้รับผลมากหรือน้อย รุ่งเรืองมากหรือน้อย บ้านใครจะมีรถไฟฟ้าผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ในกลางเมือง หรืออยู่ชานเมืองนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
หลักการเลือกชั้น คอนโด ตาม ปีเกิด
ตอนนี้เรามีความรู้ในการ เลือกชั้นคอนโด ให้สอดคล้องกับยุค ถูกยุค ถูกสมัยแล้ว ... หลายๆท่าน อาจตั้งคำถามว่า แล้วจะเลือกให้ถูกทั้งยุค และถูกทั้งปีเกิดจะทำได้หรือไม่ อย่างไร
วันนี้เราจะมาศึกษาต่อกันในเรื่องของปีเกิด
ธาตุ ปีเกิด
อันดับแรกที่เราต้องทราบ คือ ปีเกิดแต่ละปีเกิดมีธาตุเป็นธาตุอะไร หากคุณคุ้นเคยกับ ดวงจีน โป๊ยหยี่สี่เถียว ก็ไม่ต้องท่องจำอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะใช้ธาตุเดียวกัน ... แต่หากคุณไม่ทราบ เรามาทบทวนกัน
ปีชวด คือ ธาตุน้ำ
ปีฉลู คือ ธาตุดิน
ปีขาล คือ ธาตุไม้
ปีเถาะ คือ ธาตุไม้
ปีมะโรง คือ ธาตุดิน
ปีมะเส็ง คือ ธาตุไฟ
ปีมะเมีย คือ ธาตุไฟ
ปีมะแม คือ ธาตุดิน
ปีวอก คือ ธาตุทอง
ปีระกา คือ ธาตุทอง
ปีจอ คือ ธาตุดิน
ปีกุน คือ ธาตุน้ำ
ให้เลือกปีเกิด ที่คุณเกิด แล้ว จำธาตุประจำปีไว้
หลักการเลือกชั้น
หลักการเลือกชั้น มีหลักการง่ายๆ คือ เลือกชั้นที่พลังธาตุเป็นธาตเดียวกันกับคุณ หรือ มาส่งเสริมคุณ โดยใช้หลักแห่ง ธาตุทั้งห้า หรือ เบญจธาตุ ดังนั้นเราจะได้ว่า
ปีชวด ควรอยู่ชั้นที่ 1, 6, 4, 9
ปีฉลู คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีขาล คือ ควรอยู่ชั้นที่ 3, 8, 1, 6
ปีเถาะ คือ ควรอยู่ชั้นที่ 3, 8, 1, 6
ปีมะโรง คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีมะเส็ง คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8
ปีมะเมีย คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8
ปีมะแม คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีวอก คือ ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9
ปีระกา ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9
ปีจอ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีกุน ควรอยู่ชั้นที่ 4, 9, 1, 6
เลขชั้นดังกล่าวคือ เลขลงท้ายของชั้น เช่น เลข 3 หมายถึง ชั้นที่ 3 , 23, 33, 43
มาถึงขั้นนี้คุณก็สามารถเลือกชั้นคอนโด ตามยุค และ ตามปีเกิดได้ตามความเหมาะสม
--------------------------------------------------------------------------------
หลักการนับชั้นคอนโด
การนับชั้นคอนโด หากกล่าวโดยภาพกว้างๆ คือ นับชั้นตามจริง ซึ่งแต่ละแห่งอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างตามโครงสร้างของการก่อสร้าง หรือ บางแห่งอาจมีชั้น13 บางแห่งไม่มีชั้น13 บางแห่งมีชั้น G .... และไม่ได้ตายตัวว่าไม่นับชั้นแรกตามที่หลายๆคนเข้าใจและจดจำมา
จากรูปเป็นตัวอย่าง(ส่วนหนึ่ง)ของการนับหรือไม่นับชั้นแรก
--------------------------------------------------------------------------------
ถึงขั้นนี้ หลายๆคนน่าจะสามารถหาชั้นคอนโดด้วยตนเองได้ ...ส่วนหลายท่านที่ถามว่า ความรู้ในชุดนี้ยังมีอะไรอีกบ้างถึงจะสมบูรณ์ ... ตอบว่า ยังมีเพิ่มเติมในรายละเอียด เช่น
การกำหนดธาตุ สำหรับแต่ละห้องในคอนโด คอนโดแบบต่างๆจะนับธาตุของห้องอย่างไร
ในระหว่างห้องที่มีธาตุตัวเดียวกัน ห้องใดจะมีพลังธาตุดีกว่ากัน
สรุปความสัมพันธ์ของ วิธีการเลือกธาตุจาก ธาตุยุค ธาตุชั้น ธาตุห้อง ธาตุตัวบุคคล ให้สอดคล้องและเหมาะสม
ส่วนท่านที่ถามเรื่อง การนำเบอร์เลขห้อง ไปกำหนดธาตุนั้น ... ขอตอบว่า วิธีการดังกล่าวไม่ใช่หลักของฮวงจุ้ย เพราะฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของตำแหน่งและทิศทาง การกำหนดธาตุของห้องควรนำมาจากการกำหนดตำแหน่งของห้อง ไม่ใช่นำมาจากเบอร์ของ
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=10140
ฮวงจุ้ย "คอนโด" แตกต่างจาก "บ้าน" อย่างไร
โดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว ฮวงจุ้ยคอนโด ฮวงจุ้ยอพาร์ทเม้นท์ จะมีหลักการฮวงจุ้ยพื้นฐานทั่วไปเช่นเดียวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน แต่ลักษณะเด่น หรือ จุดแตกต่าง จะมี 2 ส่วนใหญ่ๆคือ
คอนโด หรือ อพาร์ทเม้นท์ มีการแยกระดับชั้นเด่นชัด
คอนโด หรือ อพาร์ทเม้นท์ มีการแบ่งแยกห้องเป็นส่วนตัว ค่อนข้างเด็ดขาด
การเลือกชั้น คอนโด
คำถามส่วนใหญ่ หรือ คำถามยอดนิยม ของผู้ซื้อคอนโด หรือ เช่า / ซื้อ อพาร์ทเม้นท์ คือ จะเลือกชั้นไหนดี
หลักการเลือก ชั้นคอนโด มีหลายแบบขึ้นกับการเลือกใช้ ระบบฮวงจุ้ย ว่าจะเลือกระบบใด ซึ่งสามารถมองในภาพรวมได้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ
เลือกโดย ดูพลังของธรรมชาติภายนอก แบบโดยรวม หรือเรียกว่า ยุค เป็นหลัก
เลือกโดย ดูจากตัวบุคคล เช่น ใช้ปีเกิด เป็นหลัก
หลักการเลือกชั้น คอนโด ตาม ยุค
ในหลักการของ ยุคทั้ง5 จะมีการแบ่งรอบปี 60 ปี หรือ 60 กะจื้อ ออกเป็น 5 กลุ่มธาตุ คือ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ
ช่วงปี พ.ศ. 2539 – 2550 จะเป็น ยุค ธาตุไฟ
ช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2562 จะเป็น ยุค ธาตุไม้
ชั้นของอาคารที่รุ่งเรืองในช่วง พ.ศ. 2539 – 2550 คือ ชั้นที่ลงท้ายด้วย 0 2 5 7 เช่น ชั้นที่ 2 5 7 10 12
15 17
ชั้นของอาคารที่รุ่งเรือง ในช่วง พ.ศ. 2551 – 2562 คือ ชั้นที่ลงท้ายด้วย 2 3 7 8 เช่น ชั้นที่ 2 3 7 8 12 13 17 18
ดังนั้นหากจะเลือกซื้อคอนโดใน ปี พ.ศ. 2550 เป็นช่วงที่กำลังข้ามเปลี่ยนยุค ควรเตรียมเลือกสำหรับอนาคตในยุคหน้าด้วย เลือกชั้นที่ลงท้ายด้วย 2 หรือ 7 จะเหมาะสมที่สุด แต่หากเลือกซื้อใน ปี พ.ศ. 2551 สามารถที่เลือกจำนวนชั้นได้มากขึ้น
หลักการกำหนด ธาตุ สำหรับชั้นต่างๆนั้น หากคุณอ่าน บทความเกี่ยวกับพื้นฐานฮวงจุ้ย อาจจำได้ว่า มาจาก ผังเหอถู นั่นเอง ซึ่งก็คือ
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ผังเหอถู คลิก
ความรุ่งเรือง โดยนับตามยุคนั้น ใช้ได้กับทุกคน หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับ ถ้าเราบอกว่า ในเมืองไทย มีกรุงเทพเป็นจังหวัดที่มีความเจริญมากที่สุด ดังนั้นภาพรวมของผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพ ก็คือบุคคลที่ได้รับผลของความเจริญ ส่วนจะได้รับผลมากหรือน้อย รุ่งเรืองมากหรือน้อย บ้านใครจะมีรถไฟฟ้าผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ในกลางเมือง หรืออยู่ชานเมืองนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
หลักการเลือกชั้น คอนโด ตาม ปีเกิด
ตอนนี้เรามีความรู้ในการ เลือกชั้นคอนโด ให้สอดคล้องกับยุค ถูกยุค ถูกสมัยแล้ว ... หลายๆท่าน อาจตั้งคำถามว่า แล้วจะเลือกให้ถูกทั้งยุค และถูกทั้งปีเกิดจะทำได้หรือไม่ อย่างไร
วันนี้เราจะมาศึกษาต่อกันในเรื่องของปีเกิด
ธาตุ ปีเกิด
อันดับแรกที่เราต้องทราบ คือ ปีเกิดแต่ละปีเกิดมีธาตุเป็นธาตุอะไร หากคุณคุ้นเคยกับ ดวงจีน โป๊ยหยี่สี่เถียว ก็ไม่ต้องท่องจำอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะใช้ธาตุเดียวกัน ... แต่หากคุณไม่ทราบ เรามาทบทวนกัน
ปีชวด คือ ธาตุน้ำ
ปีฉลู คือ ธาตุดิน
ปีขาล คือ ธาตุไม้
ปีเถาะ คือ ธาตุไม้
ปีมะโรง คือ ธาตุดิน
ปีมะเส็ง คือ ธาตุไฟ
ปีมะเมีย คือ ธาตุไฟ
ปีมะแม คือ ธาตุดิน
ปีวอก คือ ธาตุทอง
ปีระกา คือ ธาตุทอง
ปีจอ คือ ธาตุดิน
ปีกุน คือ ธาตุน้ำ
ให้เลือกปีเกิด ที่คุณเกิด แล้ว จำธาตุประจำปีไว้
หลักการเลือกชั้น
หลักการเลือกชั้น มีหลักการง่ายๆ คือ เลือกชั้นที่พลังธาตุเป็นธาตเดียวกันกับคุณ หรือ มาส่งเสริมคุณ โดยใช้หลักแห่ง ธาตุทั้งห้า หรือ เบญจธาตุ ดังนั้นเราจะได้ว่า
ปีชวด ควรอยู่ชั้นที่ 1, 6, 4, 9
ปีฉลู คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีขาล คือ ควรอยู่ชั้นที่ 3, 8, 1, 6
ปีเถาะ คือ ควรอยู่ชั้นที่ 3, 8, 1, 6
ปีมะโรง คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีมะเส็ง คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8
ปีมะเมีย คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 3, 8
ปีมะแม คือ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีวอก คือ ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9
ปีระกา ควรอยู่ชั้นที่ 5, 10, 4, 9
ปีจอ ควรอยู่ชั้นที่ 2, 7, 5, 10
ปีกุน ควรอยู่ชั้นที่ 4, 9, 1, 6
เลขชั้นดังกล่าวคือ เลขลงท้ายของชั้น เช่น เลข 3 หมายถึง ชั้นที่ 3 , 23, 33, 43
มาถึงขั้นนี้คุณก็สามารถเลือกชั้นคอนโด ตามยุค และ ตามปีเกิดได้ตามความเหมาะสม
--------------------------------------------------------------------------------
หลักการนับชั้นคอนโด
การนับชั้นคอนโด หากกล่าวโดยภาพกว้างๆ คือ นับชั้นตามจริง ซึ่งแต่ละแห่งอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างตามโครงสร้างของการก่อสร้าง หรือ บางแห่งอาจมีชั้น13 บางแห่งไม่มีชั้น13 บางแห่งมีชั้น G .... และไม่ได้ตายตัวว่าไม่นับชั้นแรกตามที่หลายๆคนเข้าใจและจดจำมา
จากรูปเป็นตัวอย่าง(ส่วนหนึ่ง)ของการนับหรือไม่นับชั้นแรก
--------------------------------------------------------------------------------
ถึงขั้นนี้ หลายๆคนน่าจะสามารถหาชั้นคอนโดด้วยตนเองได้ ...ส่วนหลายท่านที่ถามว่า ความรู้ในชุดนี้ยังมีอะไรอีกบ้างถึงจะสมบูรณ์ ... ตอบว่า ยังมีเพิ่มเติมในรายละเอียด เช่น
การกำหนดธาตุ สำหรับแต่ละห้องในคอนโด คอนโดแบบต่างๆจะนับธาตุของห้องอย่างไร
ในระหว่างห้องที่มีธาตุตัวเดียวกัน ห้องใดจะมีพลังธาตุดีกว่ากัน
สรุปความสัมพันธ์ของ วิธีการเลือกธาตุจาก ธาตุยุค ธาตุชั้น ธาตุห้อง ธาตุตัวบุคคล ให้สอดคล้องและเหมาะสม
ส่วนท่านที่ถามเรื่อง การนำเบอร์เลขห้อง ไปกำหนดธาตุนั้น ... ขอตอบว่า วิธีการดังกล่าวไม่ใช่หลักของฮวงจุ้ย เพราะฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของตำแหน่งและทิศทาง การกำหนดธาตุของห้องควรนำมาจากการกำหนดตำแหน่งของห้อง ไม่ใช่นำมาจากเบอร์ของ
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=10140
ฮวงจุ้ย :: เสริมฮวงจุ้ยด้วยต้นไม้
ฮวงจุ้ย :: เสริมฮวงจุ้ยด้วยต้นไม้
การปลูกดอกไม้และไม้มงคลเชื่อว่าจะเสริมดวงชะตาได้
ประเทศจีนนั้นแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของป่าเขาและพืชพรรณนานาชนิด มีไม้มงคลมากมายหลายประเภทที่ขึ้นในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และหาไม่ได้ในประเทศไทย เช่น ดอกโบตั๋น ดังนั้นก็จะมีต้นไม้ชนิดที่นิยมปลูกหรือถือเป็นไม้มงคลเพียงไม่กี่ชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทย
ต้นไผ่
เป็นไม้ที่แตกหน่อแลกิ่งก้านสาขาได้เร็ว เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การขยายกิจการ แทนความยั่งยืน คงทน เชื่อว่าเวลาที่ต้นไผ่สีกันจะมีเสียงดังทำให้ปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายกลัว ไม่เข้าใกล้ บางแห่งหรือบางชนบทก็จะผูกต้นไผ่ด้วยริบบิ้นสีแดง
ต้นสน
มีความหมายใกล้เคียงกับต้นไผ่ เป็นสัญลักษณ์แทนความอดทนในการฝ่ามรสุมจากความทุกข์ยาก
ต้นส้มหรือส้ม
ซึ่งมีการใช้ในทุกเทศกาล หมายถึงความโชคดีหรือความเจริญรุ่งเรือง และความสุข
ดอกบัว
สัญลักษณ์แห่งฤดูร้อน หมายถึงความบริสุทธิ์ ความมีสติ
ต้นทับทิม
ผลไม้ของผลทับทิมมีเม็ดสีแดงมากมาย หมายถึงการมีบุตรหลานที่กตัญญูไว้สืบตระกูลมากมาย เป็นต้นไม้ที่อยู่ในตำนานที่เจ้าแม่กวนอิมได้ใช้กิ่งทับทิมในการประทานพรแก่ชาวโลก เวลากลับจากสุสาน งานศพ ก็จะใช้น้ำกิ่งทับทิมล้างหน้า ถือเป็นต้นที่ไม่ใหญ่นักซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งที่หน้าบ้านและข้างบ้าน
ลูกน้ำเต้า
ที่คนไทยมักจะนำเอาไปลงอักขระภาษาในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น คนจีนก็ถือว่าเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่มักจะออกลูกตลอด จนกว่าต้นจะแก่ตาย หมายถึงการมีดอกผลงอกเงย มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา
ต้นราชพฤกษ์
ในประเทศไทย มีคนนิยมปลูก ต้นราชพฤกษ์ เพราะมีดอกสีเหลืองเป็นพวงทอง ซึ่งให้ความหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ต้นเฟื่องฟ้า
แทนความหมายในแง่ของชื่อเสียงที่ขจรขจาย
ต้นเข็ม
ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ริมรั้วหรือแทนประตูรั้ว ให้ความหมายในแง่ความแหลมคมของสติปัญญา ความรู้
ต้นโมก ต้นแก้ว
ที่มีกลิ่นหอมในตัวมันเอง ก็ใช้ส่งเสริมความสมดุลของชีวิต
ต้นขนุน เพื่อให้คนเกื้อหนุนค้ำจุน
ต้นมะขามปลูก เพื่อเสริมสร้างบารมีให้คนเกรงขาม
มีความเชื่อว่าในเวลาที่คนเรามีเคราะห์มาก ๆ อาจลดเคราะห์หรือความยุ่งยากลงด้วยการปลูก กุหลาบหรือต้นโป๊ยเซียน จะช่วยบรรเทาเคราะห์ลงได้ อาจเพราะหนามที่แหลมคมช่วยต่อต้านปัญหาเอาไว้
มาถึง ต้นชัยพฤกษ์ บ้าง มักนำมาปลูกไว้ข้างรั้วหน้าบ้าน ความหมายก็คือการนำชัยชนะ หรือการปรามมารร้ายทั้งหลายที่จะเข้ามาให้ถอยทัพกลับไป เป็นต้นไม้ที่เป็นศิริมงคลตามตำราโบราณ
ส่วน ต้นพุทธรักษา ก็มักจะปลูกไว้ริมรั้ว จะส่งผลให้เกิดความสุขในครอบครัวทำนองว่า พระพุทธจะรักษาให้เกิดความสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องเล่าตามพุทธตำนานว่า พระเทวทัตคิดทำร้ายพระพุทธเจ้า จึงได้ขึ้นไปภูเขากลิ้งหินบนภูเขาลงมาในจังหวะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา แต่ก้อนกินดังกล่าวกลับแตกกระจัดกระจายก่อน สะเก็ดก้อนหินได้กระเด็นไปถูกพระบาท มีพระโลหิตไหลหยดลงบนแผ่นดิน ต่อมาได้เกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นตรงรอยเลือดนั้น ต้นไม้ชนิดนั้นก็คือพุทธรักษานั่นเอง
นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้ในการเสริมสร้างให้เกิดความเป็นมงคลในชีวิตของคนจีนและคนไทยที่คละเคล้ากันไป เป็นการเสริมทางด้านจิตใจ และความสมดุลของบ้าน แต่ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่าการปลูกต้นไม้อะไรน่าจะอยู่ที่เป้าหมายมากกว่า เช่น หากต้องการต้นไม้มาช่วยบดบังแสงแดด ก็อาจปลูกต้นจำปี การะเวก หูกวาง หรือหากต้องการปลูกเพื่อกินผล เจ้าบ้านชอบทานผลไม้อะไรก็ปลูกพันธุ์ไม้นั้นลงไป ไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์อะไร สิ่งสำคัญหากเป็นไม้ยืนต้นก็ไม่ควรปลูกขวางประตูเข้าบ้านเป็นอันขาด
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=9178
การปลูกดอกไม้และไม้มงคลเชื่อว่าจะเสริมดวงชะตาได้
ประเทศจีนนั้นแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของป่าเขาและพืชพรรณนานาชนิด มีไม้มงคลมากมายหลายประเภทที่ขึ้นในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และหาไม่ได้ในประเทศไทย เช่น ดอกโบตั๋น ดังนั้นก็จะมีต้นไม้ชนิดที่นิยมปลูกหรือถือเป็นไม้มงคลเพียงไม่กี่ชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทย
ต้นไผ่
เป็นไม้ที่แตกหน่อแลกิ่งก้านสาขาได้เร็ว เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การขยายกิจการ แทนความยั่งยืน คงทน เชื่อว่าเวลาที่ต้นไผ่สีกันจะมีเสียงดังทำให้ปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายกลัว ไม่เข้าใกล้ บางแห่งหรือบางชนบทก็จะผูกต้นไผ่ด้วยริบบิ้นสีแดง
ต้นสน
มีความหมายใกล้เคียงกับต้นไผ่ เป็นสัญลักษณ์แทนความอดทนในการฝ่ามรสุมจากความทุกข์ยาก
ต้นส้มหรือส้ม
ซึ่งมีการใช้ในทุกเทศกาล หมายถึงความโชคดีหรือความเจริญรุ่งเรือง และความสุข
ดอกบัว
สัญลักษณ์แห่งฤดูร้อน หมายถึงความบริสุทธิ์ ความมีสติ
ต้นทับทิม
ผลไม้ของผลทับทิมมีเม็ดสีแดงมากมาย หมายถึงการมีบุตรหลานที่กตัญญูไว้สืบตระกูลมากมาย เป็นต้นไม้ที่อยู่ในตำนานที่เจ้าแม่กวนอิมได้ใช้กิ่งทับทิมในการประทานพรแก่ชาวโลก เวลากลับจากสุสาน งานศพ ก็จะใช้น้ำกิ่งทับทิมล้างหน้า ถือเป็นต้นที่ไม่ใหญ่นักซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งที่หน้าบ้านและข้างบ้าน
ลูกน้ำเต้า
ที่คนไทยมักจะนำเอาไปลงอักขระภาษาในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น คนจีนก็ถือว่าเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่มักจะออกลูกตลอด จนกว่าต้นจะแก่ตาย หมายถึงการมีดอกผลงอกเงย มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา
ต้นราชพฤกษ์
ในประเทศไทย มีคนนิยมปลูก ต้นราชพฤกษ์ เพราะมีดอกสีเหลืองเป็นพวงทอง ซึ่งให้ความหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ต้นเฟื่องฟ้า
แทนความหมายในแง่ของชื่อเสียงที่ขจรขจาย
ต้นเข็ม
ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ริมรั้วหรือแทนประตูรั้ว ให้ความหมายในแง่ความแหลมคมของสติปัญญา ความรู้
ต้นโมก ต้นแก้ว
ที่มีกลิ่นหอมในตัวมันเอง ก็ใช้ส่งเสริมความสมดุลของชีวิต
ต้นขนุน เพื่อให้คนเกื้อหนุนค้ำจุน
ต้นมะขามปลูก เพื่อเสริมสร้างบารมีให้คนเกรงขาม
มีความเชื่อว่าในเวลาที่คนเรามีเคราะห์มาก ๆ อาจลดเคราะห์หรือความยุ่งยากลงด้วยการปลูก กุหลาบหรือต้นโป๊ยเซียน จะช่วยบรรเทาเคราะห์ลงได้ อาจเพราะหนามที่แหลมคมช่วยต่อต้านปัญหาเอาไว้
มาถึง ต้นชัยพฤกษ์ บ้าง มักนำมาปลูกไว้ข้างรั้วหน้าบ้าน ความหมายก็คือการนำชัยชนะ หรือการปรามมารร้ายทั้งหลายที่จะเข้ามาให้ถอยทัพกลับไป เป็นต้นไม้ที่เป็นศิริมงคลตามตำราโบราณ
ส่วน ต้นพุทธรักษา ก็มักจะปลูกไว้ริมรั้ว จะส่งผลให้เกิดความสุขในครอบครัวทำนองว่า พระพุทธจะรักษาให้เกิดความสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องเล่าตามพุทธตำนานว่า พระเทวทัตคิดทำร้ายพระพุทธเจ้า จึงได้ขึ้นไปภูเขากลิ้งหินบนภูเขาลงมาในจังหวะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา แต่ก้อนกินดังกล่าวกลับแตกกระจัดกระจายก่อน สะเก็ดก้อนหินได้กระเด็นไปถูกพระบาท มีพระโลหิตไหลหยดลงบนแผ่นดิน ต่อมาได้เกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นตรงรอยเลือดนั้น ต้นไม้ชนิดนั้นก็คือพุทธรักษานั่นเอง
นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้ในการเสริมสร้างให้เกิดความเป็นมงคลในชีวิตของคนจีนและคนไทยที่คละเคล้ากันไป เป็นการเสริมทางด้านจิตใจ และความสมดุลของบ้าน แต่ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่าการปลูกต้นไม้อะไรน่าจะอยู่ที่เป้าหมายมากกว่า เช่น หากต้องการต้นไม้มาช่วยบดบังแสงแดด ก็อาจปลูกต้นจำปี การะเวก หูกวาง หรือหากต้องการปลูกเพื่อกินผล เจ้าบ้านชอบทานผลไม้อะไรก็ปลูกพันธุ์ไม้นั้นลงไป ไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์อะไร สิ่งสำคัญหากเป็นไม้ยืนต้นก็ไม่ควรปลูกขวางประตูเข้าบ้านเป็นอันขาด
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=9178
ฮวงจุ้ย :: จัดโต๊ะทำงานให้ถูกฮวงจุ้ย
ฮวงจุ้ย : จัดโต๊ะทำงานให้ถูกฮวงจุ้ย
เรื่องฮวงจุ้ยใครว่าไม่สำคัญหรืองมงาย ทราบไหมคะว่า เขามีการนำมาเชื่อมโยงกับทางวิทยาศาสตร์แล้วเห็นว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลและไปด้วยกันได้ดีทีเดียว อย่างโต๊ะทำงานที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยเกือบตลอดทั้งวันนั้น ถ้าจัดให้ถูกที่ถูกทางเขาว่าจะช่วยให้สิ่งดีๆ เข้ามาสู่ตัวคุณ และจะเพิ่มความรู้สึกดีๆ ให้กับตัวคุณอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
1.ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกนั่งโต๊ะในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูที่สุด แต่ว่าต้องเห็นประตูนะ
2.ไม่ควรนั่งหันหลังให้ประตู บอกกันว่าตำแหน่งนี้ เพื่อนร่วมงานจะแทงข้างหลัง (ระวังไว้)
3.ถ้ามีมุมเสา (เขาว่าเป็นศรพิฆาต) เล็งมาที่โต๊ะทำงาน ให้สลายพลังอัปมงคลด้วยแท่งคริสตัล
4.โต๊ะส่วนล่างควรปิดมิดชิดทั้ง 3 มุม
5.ซ้าย(มังกร) ต้องอยู่สูงกว่า ขวา(เสือขาว) ยกตัวอย่างเช่น จอมิเตอร์ หรือกองเอกสารควรอยู่ซ้าย
มิ ส่วนปากกา, Mouse ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสูงไม่มาก ควรวางอยู่ด้านขวามือ
6.Screen Saver ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ควรมีรูปแหลม หรือกากบาท ควรเป็นรูปปลาว่ายน้ำที่มี
การเคลื่อนไหวตลอดเวลาเป็นดีที่สุด
7.ควรมีต้นไม้เล็กๆ บริเวณ Monitor เพื่อลดความเข้มของสนามแม่เหล็ก
8.เก้าอี้ควรใช้แบบไม่มีล้อและพนักพิงหลังสูง
ที่มา :http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=9177
เรื่องฮวงจุ้ยใครว่าไม่สำคัญหรืองมงาย ทราบไหมคะว่า เขามีการนำมาเชื่อมโยงกับทางวิทยาศาสตร์แล้วเห็นว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลและไปด้วยกันได้ดีทีเดียว อย่างโต๊ะทำงานที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยเกือบตลอดทั้งวันนั้น ถ้าจัดให้ถูกที่ถูกทางเขาว่าจะช่วยให้สิ่งดีๆ เข้ามาสู่ตัวคุณ และจะเพิ่มความรู้สึกดีๆ ให้กับตัวคุณอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
1.ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกนั่งโต๊ะในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูที่สุด แต่ว่าต้องเห็นประตูนะ
2.ไม่ควรนั่งหันหลังให้ประตู บอกกันว่าตำแหน่งนี้ เพื่อนร่วมงานจะแทงข้างหลัง (ระวังไว้)
3.ถ้ามีมุมเสา (เขาว่าเป็นศรพิฆาต) เล็งมาที่โต๊ะทำงาน ให้สลายพลังอัปมงคลด้วยแท่งคริสตัล
4.โต๊ะส่วนล่างควรปิดมิดชิดทั้ง 3 มุม
5.ซ้าย(มังกร) ต้องอยู่สูงกว่า ขวา(เสือขาว) ยกตัวอย่างเช่น จอมิเตอร์ หรือกองเอกสารควรอยู่ซ้าย
มิ ส่วนปากกา, Mouse ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสูงไม่มาก ควรวางอยู่ด้านขวามือ
6.Screen Saver ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ควรมีรูปแหลม หรือกากบาท ควรเป็นรูปปลาว่ายน้ำที่มี
การเคลื่อนไหวตลอดเวลาเป็นดีที่สุด
7.ควรมีต้นไม้เล็กๆ บริเวณ Monitor เพื่อลดความเข้มของสนามแม่เหล็ก
8.เก้าอี้ควรใช้แบบไม่มีล้อและพนักพิงหลังสูง
ที่มา :http://www.tlcthai.com/webboard/horo_view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=9177
ฮวงจุ้ยกับการตกแต่งบ้าน
ฮวงจุ้ยกับการตกแต่งบ้าน
แสง
ภายในบ้านควรมีแสงสว่างอย่างพอเพียง บริเวณพื้นที่นอกตัวบ้านหรือภายในสวนก็ควรมีแสงสว่างมากๆ ในยามค่ำคืน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ไฟในบริเวณนอกบ้านน้อยมากหรือไม่ใช้เลย ทำให้บริเวณรอบบ้านดูมืดอึมครึม แต่ถ้าเปิดไฟไว้บริเวณนอกตัวบ้านหรือภายในสวน ก็จะกระตุ้นความเจิดจ้าและความมีชีวิตชีวาให้แก่ผู้คนในบ้านนั้น แต่ในตัวบ้านไม่ต้องใช้ไฟปริมาณมากเกินไปจนสว่างจ้า เพราะจะส่งผลให้ประสาทตาต้องทำงานหนักเกินไป แสงไฟควรนุ่มนวลพอดี และไม่มืดหม่นสลัวลางเกินไป ไฟที่มีแสงออกแกมสีเขียวด้วยนั้น ไม่ควรนำมาติดไว้ในบ้านเด็ดขาด ! เพราะเวลาแสงไฟส่องต้องใบหน้าคนในบ้านแล้วจะดูเหมือนใบหน้าคนตายไร้สีเลือด ไฟที่มีรูปทรงเป็นโคมระย้า ก็ถือว่าเป็นรูปทรงที่ดี เพราะทำให้ชี่ที่รุนแรงกระจายตัวออกไปอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรแขวนไว้ในตำแหน่งที่ต่ำจนเกินไป
กระจกเงา
กระจกเงาช่วยแก้ไขฮวงจุ้ยให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องติดไว้อย่างถูกที่ถูกทางด้วย จึงจะส่งผลดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย หากนอกบ้านมีสระน้ำหรือแม่น้ำ เราควรติดกระจกเงาที่ผนังในตำแหน่งซึ่งกระจกเงาสามารถสะท้อนภาพของแม่น้ำได้ คือ ดึงเอาภาพของน้ำมาไว้ในห้องนั่นเอง การแขวนกระจกเงาไว้บนผนัง ไม่ว่าเพื่อแก้ไข หรือเสริมกรณีใดก็ตาม ที่ถูกต้องก็คือ จะต้องแขวนไว้ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไป หรือต่ำกว่าระดับศีรษะของคนในครอบครัว กระจกเงาช่วยให้ห้องเล็กๆ ดูกว้างขึ้นและสว่างขึ้น อีกทั้งยังสะท้อนพลังงานของชี่ให้กระจายออกมา แต่ว่าตำแหน่งของกระจกเงาที่จะส่งผลร้ายให้มี ก็เช่นกัน เป็นต้นว่า เมื่อคุณกลับเข้าบ้าน ทันทีที่ก้าวเข้าประตูหน้าบ้าน แล้วเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ซึ่งติดไว้ที่ผนัง เช่นนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะกระจกเงาตรงนั้นจะสะท้อนเอาพลังที่ดี โชคลาภที่ดีกลับออกไปหมดและการติดกระจกเงาหลายๆ บานในห้องเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะภาพที่สะท้อนจะทำให้ดูเหมือนว่ามีเงาผู้คนเต็มไปหมดในห้องนั้น ส่งผลร้ายต่อระบบประสาทและสุขภาพจิต ทำให้ป่วยไข้ไม่สบายได้ง่ายๆอีกด้วย
สี
ตามหลักจิตวิทยาและทฤษฎีสีนั้นก็บ่องบอกอยู่แล้วว่า “สี” มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนเราอย่างมาก สีมีผลทำให้ผนังของห้องเย็นลงหรืออบอุ่นขึ้น หากจะใช้สีให้ถูกต้องจริงๆ ก็ต้องพิจารณาดู “ธาตุ” ของเจ้าขอห้องกับห้องด้วยอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนธาตุน้ำ และคุณใช้สีอ่อนกับห้องของคุณ ก็จะนับว่าสมดุลกันยิ่ง หรืออีกนัยหนึ่งอาจอิงที่ฤดูกาลก็ได้ ผู้ที่เกิดในฤดูหนาว อาจใช้สีสว่างๆ อย่างสีชมพู สีเขียวจัด กับห้องนอนของตน ผู้ที่เกิดในฤดูหนาว อาจใช้สีสว่างๆ อย่างสีชมพู สีเขียวจัด กับห้องนอนของตน ผู้ที่เกิดในฤดูร้อน อาจใช้สีฟ้าอ่อนหรือสีตองอ่อนก็เหมาะสม แต่การใช้สีเดียวกันหมดทั้งบ้าน รวมทั้งเครื่องเรือนต่างๆ เป็นต้นว่า ม่านก็สีเขียวทั้งบ้าน พรมก็สีเขียว โซฟาก็เขียว ผ้าปูที่นอนก็เขียว ผนังห้องก็เขียว อย่างนี้เป็นเรื่องของความชอบความพอใจแต่ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะภายหลังคุณจะรู้สึกถึงความอ่อนเพลียและหมดความกระชุ่มกระชวยลงโดยไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นการพิจารณาอิทธิพลของสีกับธาตุหรือวันเกิดของเจ้าของห้องก่อนก็จะเป็นการดี
สีแดง คือสีอันเป็นมงคลในหมู่ชาวจีน และหมายถึงความร่าเริงในทางสากล
สีม่วง คือสีที่แสดงความรู้สึกเคารพนอบน้อม
สีเหลือง คือสีของดวงตะวัน หมายถึงความรุ่งเรืองและอายุยืน
สีเขียว คือสีของอารมณ์ริษยา สีแห่งความสงบ-สดชื่น
สีขาว คือสีแห่งความหดหู่ในหมู่ชาวจีน แต่หมายถึงความบริสุทธิ์ ในทางสากล
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบสีขาวมากจนทาผนังห้องทุกห้องเป็นสีขาวและเครื่องใช้เครื่องเรือนทั้งหมดเป็นสีขาวก็ตาม ควรจะเพิ่มสีสันอื่นบ้าง เพื่อสร้างความสดใจและส่งผลดีต่อจิตใจซึ่งแตกต่างกับสีขาวล้วนๆ เพียงสีเดียว
ภาพเขียน
การประดับฝาผนังบ้านด้วยภาพเขียน นอกจากจะให้ความงดงามต่อสายตาแล้ว ยังส่งอิทธิพลอันดีถึงภายในบ้านอีกด้วยภาพวิวทิวทัศน์อันร่มรื่นก็จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ภาพแห่งธรรมชาติที่มีสายน้ำ โขดหิน และก้อนเมฆ ภาพทิวไม้และท้องฟ้าก็ถือว่าเป็นภาพที่ดีเช่นเดียวกับภาพวาดดอกไม้และไม้ยืนต้น ถือว่าแทนความมีโชคและความคงทนยั่งยืน
ภาพของเทพ ควรเป็นเทพที่คุ้มครองผู้คนจากปีศาจด้วย
ลวดลาย
ลวดลายต่างๆ นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในตัวเอง ลวดลายบนกระเบื้องปูพื้น หรือลวดลายบนวอลเปเปอร์ หรือลวดลายบนริมผ้าม่านหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ หากเลือกให้ดีจะส่งผลดีตามความหมายของตัวมันเอง
กวาง สัญลักษณ์ของความมั่งมี ร่ำรวย
กระดองเต่า สัญลักษณ์ของความมีอายุยืนนาน
ช้าง สัญลักษณ์ของสติปัญญาและความแข็งแรง
แจกัน สัญลักษณ์ของความสงบสุข
ดอกเบญจมาศ สัญลักษณ์ของความยั่งยืนคงทน
ดอกไม้ สัญลักษณ์ของความสดชื่น มั่งมีศรีสุข
เมฆ สัญลักษณ์ของสติปัญญาและพรสวรรค์
มังกร สัญลักษณ์ของอำนาจ
เหรียญ สัญลักษณ์ของความมั่งมีศรีสุข
บัว สัญลักษณ์ของความซื่อตรงและคงทน
ปลา สัญลักษณ์ของความเยือกเย็นและความสำเร็จ
เสียง
ภายในบ้านหรือบริเวณบ้านควรมีเสียงที่ไพเราะ และดังพอประมาณ ไม่ดังเกินไปจนกลายเป็นเสียงที่รบกวน การประดับระฆังเล็กๆ หรือกระดิ่งนั่นเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่ดีประการหนึ่ง เนื่องเพราะพลังงานชี่ที่เฉื่อยจะสลายไปโดยการกระทำของเสียงดนตรีที่ล่องลอยมาในสายลม เป็นการกระตุ้นสภาพอากาศที่หยุดนิ่งให้มีการเคลื่อนไหว ส่งผลให้มีความรื่นรมย์และเกิดความสุขสงบในครอบครัว
สิ่งประดับมงคล
การตั้งตุ๊กตา ฮก ลก ซิ่ว 3 เทพที่ให้สิริมงคลก็เป็นที่นิยมดีเช่นกัน แต่ควรตั้งไว้โดยหันหน้าเทพทั้ง 3 เข้าหาเก้าอี้ในห้องรับแขกหรือตะอาหาร ไม่ควรตั้งประดับไว้โดยหันหน้าเข้าหาประตูบ้านเด็ดขาดและจะต้องคอยปัดฝุ่นเสมอๆ อย่าให้ฝุ่นจับเพราะจะทำให้เสียความเป็นมงคล จากความหมาย 3 เทพ คือ “ฮก” หมายถึงทรัพย์สิน โชคลาภ “ลก” คือยศศักดิ์ “ซิ่ว” คืออายุ
ม้า นกยูง ก็ถือเป็นสัตว์มงคลที่ให้ความสง่างามน่าเกรางขามแก่ห้องนั้นๆ ได้
สิงโต ช้าง ก็เป็นสัตว์มงคลที่ให้พลังอำนาจและความแข็งแกร่ง
เขาวัว เขาควาย ก็เป็นสิ่งประดับที่แสดงถึงความแข็งแรง แต่ไม่เหมาะจะประดับในบ้านที่มีเด็กๆ
เพราะเป็นสัตว์แห่งความดุร้ายอาจส่งผลในทางลบ เช่น เกิดความรุนแรงในครอบครัว แต่อาจใช้
ประดับในร้านค้าที่มีการแข่งขันกันสูง สิ่งประดับประเภทนี้ควรแขวนในตำแหน่งที่ห่างจากห้องน้ำและห้องครัวพอสมควร
ตู้ปลา
การใช้ตู้ปลาหรืออ่างเลี้ยงปลา ก็นับเป็นศิลปะการตกแต่งบ้านที่ถูกกับหลักฮวงจุ้ยมากทีเดียว เพราะเป็นทฤษฎีของ “การสร้างสิ่งมีชีวิตให้เคลื่อนไหวในความสงบนิ่ง” ปลาเงิน ปลาทอง ให้ความหมายที่ดีเพราะเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์ และยังเป็นสัญลักษณ์ของการปัดเป่าพลังชั่วร้ายให้พ้นผ่านไปอีกด้วย อ่างปลาหรือโถแก้วใบใหญ่ที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ถือว่าเป็นรูปทรงที่ดีที่สุด ตู้ปลาควรมีปั๊มลมเพื่อให้ภายในตู้มีการเคลื่อนไหวของน้ำ มิใช่อยู่ในลักษณะ “น้ำตาย”
การเริ่มเลี้ยงปลาในครั้งแรก มีจำนวนปลาเท่าใดก็ควรรักษาระดับจำนวนนั้นไว้ ไม่ควรให้ลดลง ควรให้เพิ่มขึ้นจึงจะถือว่าดี หากมีปลาตายก็ต้องรีบช้อนออกทันที ถ้าจะถือเล็ดตัวเลข ก็ควรเลี้ยงปลาจำนวน 9 ตัว ก็จะเป็นมงคล
แต่คนธาตุไฟ ไม่ควรตั้งตู้ปลาไว้ในบ้าน และคนธาตุน้ำก็ไม้จำเป็นต้องเลี้ยงปลา เพราะในตู้ปลามีน้ำและตัวเองก็เป็นธาตุน้ำอยู่แล้ว คนธาตุอื่นๆ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงปลาสักตู้หนึ่งเพื่อเสริมโชคและสิริมงคล
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=23424
แสง
ภายในบ้านควรมีแสงสว่างอย่างพอเพียง บริเวณพื้นที่นอกตัวบ้านหรือภายในสวนก็ควรมีแสงสว่างมากๆ ในยามค่ำคืน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ไฟในบริเวณนอกบ้านน้อยมากหรือไม่ใช้เลย ทำให้บริเวณรอบบ้านดูมืดอึมครึม แต่ถ้าเปิดไฟไว้บริเวณนอกตัวบ้านหรือภายในสวน ก็จะกระตุ้นความเจิดจ้าและความมีชีวิตชีวาให้แก่ผู้คนในบ้านนั้น แต่ในตัวบ้านไม่ต้องใช้ไฟปริมาณมากเกินไปจนสว่างจ้า เพราะจะส่งผลให้ประสาทตาต้องทำงานหนักเกินไป แสงไฟควรนุ่มนวลพอดี และไม่มืดหม่นสลัวลางเกินไป ไฟที่มีแสงออกแกมสีเขียวด้วยนั้น ไม่ควรนำมาติดไว้ในบ้านเด็ดขาด ! เพราะเวลาแสงไฟส่องต้องใบหน้าคนในบ้านแล้วจะดูเหมือนใบหน้าคนตายไร้สีเลือด ไฟที่มีรูปทรงเป็นโคมระย้า ก็ถือว่าเป็นรูปทรงที่ดี เพราะทำให้ชี่ที่รุนแรงกระจายตัวออกไปอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรแขวนไว้ในตำแหน่งที่ต่ำจนเกินไป
กระจกเงา
กระจกเงาช่วยแก้ไขฮวงจุ้ยให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องติดไว้อย่างถูกที่ถูกทางด้วย จึงจะส่งผลดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย หากนอกบ้านมีสระน้ำหรือแม่น้ำ เราควรติดกระจกเงาที่ผนังในตำแหน่งซึ่งกระจกเงาสามารถสะท้อนภาพของแม่น้ำได้ คือ ดึงเอาภาพของน้ำมาไว้ในห้องนั่นเอง การแขวนกระจกเงาไว้บนผนัง ไม่ว่าเพื่อแก้ไข หรือเสริมกรณีใดก็ตาม ที่ถูกต้องก็คือ จะต้องแขวนไว้ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไป หรือต่ำกว่าระดับศีรษะของคนในครอบครัว กระจกเงาช่วยให้ห้องเล็กๆ ดูกว้างขึ้นและสว่างขึ้น อีกทั้งยังสะท้อนพลังงานของชี่ให้กระจายออกมา แต่ว่าตำแหน่งของกระจกเงาที่จะส่งผลร้ายให้มี ก็เช่นกัน เป็นต้นว่า เมื่อคุณกลับเข้าบ้าน ทันทีที่ก้าวเข้าประตูหน้าบ้าน แล้วเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ซึ่งติดไว้ที่ผนัง เช่นนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะกระจกเงาตรงนั้นจะสะท้อนเอาพลังที่ดี โชคลาภที่ดีกลับออกไปหมดและการติดกระจกเงาหลายๆ บานในห้องเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะภาพที่สะท้อนจะทำให้ดูเหมือนว่ามีเงาผู้คนเต็มไปหมดในห้องนั้น ส่งผลร้ายต่อระบบประสาทและสุขภาพจิต ทำให้ป่วยไข้ไม่สบายได้ง่ายๆอีกด้วย
สี
ตามหลักจิตวิทยาและทฤษฎีสีนั้นก็บ่องบอกอยู่แล้วว่า “สี” มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนเราอย่างมาก สีมีผลทำให้ผนังของห้องเย็นลงหรืออบอุ่นขึ้น หากจะใช้สีให้ถูกต้องจริงๆ ก็ต้องพิจารณาดู “ธาตุ” ของเจ้าขอห้องกับห้องด้วยอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนธาตุน้ำ และคุณใช้สีอ่อนกับห้องของคุณ ก็จะนับว่าสมดุลกันยิ่ง หรืออีกนัยหนึ่งอาจอิงที่ฤดูกาลก็ได้ ผู้ที่เกิดในฤดูหนาว อาจใช้สีสว่างๆ อย่างสีชมพู สีเขียวจัด กับห้องนอนของตน ผู้ที่เกิดในฤดูหนาว อาจใช้สีสว่างๆ อย่างสีชมพู สีเขียวจัด กับห้องนอนของตน ผู้ที่เกิดในฤดูร้อน อาจใช้สีฟ้าอ่อนหรือสีตองอ่อนก็เหมาะสม แต่การใช้สีเดียวกันหมดทั้งบ้าน รวมทั้งเครื่องเรือนต่างๆ เป็นต้นว่า ม่านก็สีเขียวทั้งบ้าน พรมก็สีเขียว โซฟาก็เขียว ผ้าปูที่นอนก็เขียว ผนังห้องก็เขียว อย่างนี้เป็นเรื่องของความชอบความพอใจแต่ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะภายหลังคุณจะรู้สึกถึงความอ่อนเพลียและหมดความกระชุ่มกระชวยลงโดยไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นการพิจารณาอิทธิพลของสีกับธาตุหรือวันเกิดของเจ้าของห้องก่อนก็จะเป็นการดี
สีแดง คือสีอันเป็นมงคลในหมู่ชาวจีน และหมายถึงความร่าเริงในทางสากล
สีม่วง คือสีที่แสดงความรู้สึกเคารพนอบน้อม
สีเหลือง คือสีของดวงตะวัน หมายถึงความรุ่งเรืองและอายุยืน
สีเขียว คือสีของอารมณ์ริษยา สีแห่งความสงบ-สดชื่น
สีขาว คือสีแห่งความหดหู่ในหมู่ชาวจีน แต่หมายถึงความบริสุทธิ์ ในทางสากล
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบสีขาวมากจนทาผนังห้องทุกห้องเป็นสีขาวและเครื่องใช้เครื่องเรือนทั้งหมดเป็นสีขาวก็ตาม ควรจะเพิ่มสีสันอื่นบ้าง เพื่อสร้างความสดใจและส่งผลดีต่อจิตใจซึ่งแตกต่างกับสีขาวล้วนๆ เพียงสีเดียว
ภาพเขียน
การประดับฝาผนังบ้านด้วยภาพเขียน นอกจากจะให้ความงดงามต่อสายตาแล้ว ยังส่งอิทธิพลอันดีถึงภายในบ้านอีกด้วยภาพวิวทิวทัศน์อันร่มรื่นก็จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ภาพแห่งธรรมชาติที่มีสายน้ำ โขดหิน และก้อนเมฆ ภาพทิวไม้และท้องฟ้าก็ถือว่าเป็นภาพที่ดีเช่นเดียวกับภาพวาดดอกไม้และไม้ยืนต้น ถือว่าแทนความมีโชคและความคงทนยั่งยืน
ภาพของเทพ ควรเป็นเทพที่คุ้มครองผู้คนจากปีศาจด้วย
ลวดลาย
ลวดลายต่างๆ นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในตัวเอง ลวดลายบนกระเบื้องปูพื้น หรือลวดลายบนวอลเปเปอร์ หรือลวดลายบนริมผ้าม่านหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ หากเลือกให้ดีจะส่งผลดีตามความหมายของตัวมันเอง
กวาง สัญลักษณ์ของความมั่งมี ร่ำรวย
กระดองเต่า สัญลักษณ์ของความมีอายุยืนนาน
ช้าง สัญลักษณ์ของสติปัญญาและความแข็งแรง
แจกัน สัญลักษณ์ของความสงบสุข
ดอกเบญจมาศ สัญลักษณ์ของความยั่งยืนคงทน
ดอกไม้ สัญลักษณ์ของความสดชื่น มั่งมีศรีสุข
เมฆ สัญลักษณ์ของสติปัญญาและพรสวรรค์
มังกร สัญลักษณ์ของอำนาจ
เหรียญ สัญลักษณ์ของความมั่งมีศรีสุข
บัว สัญลักษณ์ของความซื่อตรงและคงทน
ปลา สัญลักษณ์ของความเยือกเย็นและความสำเร็จ
เสียง
ภายในบ้านหรือบริเวณบ้านควรมีเสียงที่ไพเราะ และดังพอประมาณ ไม่ดังเกินไปจนกลายเป็นเสียงที่รบกวน การประดับระฆังเล็กๆ หรือกระดิ่งนั่นเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่ดีประการหนึ่ง เนื่องเพราะพลังงานชี่ที่เฉื่อยจะสลายไปโดยการกระทำของเสียงดนตรีที่ล่องลอยมาในสายลม เป็นการกระตุ้นสภาพอากาศที่หยุดนิ่งให้มีการเคลื่อนไหว ส่งผลให้มีความรื่นรมย์และเกิดความสุขสงบในครอบครัว
สิ่งประดับมงคล
การตั้งตุ๊กตา ฮก ลก ซิ่ว 3 เทพที่ให้สิริมงคลก็เป็นที่นิยมดีเช่นกัน แต่ควรตั้งไว้โดยหันหน้าเทพทั้ง 3 เข้าหาเก้าอี้ในห้องรับแขกหรือตะอาหาร ไม่ควรตั้งประดับไว้โดยหันหน้าเข้าหาประตูบ้านเด็ดขาดและจะต้องคอยปัดฝุ่นเสมอๆ อย่าให้ฝุ่นจับเพราะจะทำให้เสียความเป็นมงคล จากความหมาย 3 เทพ คือ “ฮก” หมายถึงทรัพย์สิน โชคลาภ “ลก” คือยศศักดิ์ “ซิ่ว” คืออายุ
ม้า นกยูง ก็ถือเป็นสัตว์มงคลที่ให้ความสง่างามน่าเกรางขามแก่ห้องนั้นๆ ได้
สิงโต ช้าง ก็เป็นสัตว์มงคลที่ให้พลังอำนาจและความแข็งแกร่ง
เขาวัว เขาควาย ก็เป็นสิ่งประดับที่แสดงถึงความแข็งแรง แต่ไม่เหมาะจะประดับในบ้านที่มีเด็กๆ
เพราะเป็นสัตว์แห่งความดุร้ายอาจส่งผลในทางลบ เช่น เกิดความรุนแรงในครอบครัว แต่อาจใช้
ประดับในร้านค้าที่มีการแข่งขันกันสูง สิ่งประดับประเภทนี้ควรแขวนในตำแหน่งที่ห่างจากห้องน้ำและห้องครัวพอสมควร
ตู้ปลา
การใช้ตู้ปลาหรืออ่างเลี้ยงปลา ก็นับเป็นศิลปะการตกแต่งบ้านที่ถูกกับหลักฮวงจุ้ยมากทีเดียว เพราะเป็นทฤษฎีของ “การสร้างสิ่งมีชีวิตให้เคลื่อนไหวในความสงบนิ่ง” ปลาเงิน ปลาทอง ให้ความหมายที่ดีเพราะเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์ และยังเป็นสัญลักษณ์ของการปัดเป่าพลังชั่วร้ายให้พ้นผ่านไปอีกด้วย อ่างปลาหรือโถแก้วใบใหญ่ที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ถือว่าเป็นรูปทรงที่ดีที่สุด ตู้ปลาควรมีปั๊มลมเพื่อให้ภายในตู้มีการเคลื่อนไหวของน้ำ มิใช่อยู่ในลักษณะ “น้ำตาย”
การเริ่มเลี้ยงปลาในครั้งแรก มีจำนวนปลาเท่าใดก็ควรรักษาระดับจำนวนนั้นไว้ ไม่ควรให้ลดลง ควรให้เพิ่มขึ้นจึงจะถือว่าดี หากมีปลาตายก็ต้องรีบช้อนออกทันที ถ้าจะถือเล็ดตัวเลข ก็ควรเลี้ยงปลาจำนวน 9 ตัว ก็จะเป็นมงคล
แต่คนธาตุไฟ ไม่ควรตั้งตู้ปลาไว้ในบ้าน และคนธาตุน้ำก็ไม้จำเป็นต้องเลี้ยงปลา เพราะในตู้ปลามีน้ำและตัวเองก็เป็นธาตุน้ำอยู่แล้ว คนธาตุอื่นๆ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงปลาสักตู้หนึ่งเพื่อเสริมโชคและสิริมงคล
ที่มา : http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=73&post_id=23424
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)